ประกันรถไฟฟ้า คือ ประกันรถยนต์ที่คุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีความแตกต่างจากประกันรถยนต์ทั่วไปอย่างชัดเจน อย่างน้อยก็ด้วยเรื่องเครื่องยนต์ที่ไม่เหมือนกัน ชิ้นส่วนอะไหล่ต่าง ๆ ตลอดจนการซ่อมและบำรุงรักษาที่ไม่เหมือนกัน เรามาทำความเข้าใจให้มากขึ้นกัน
ประกันรถ ev คืออะไร ต่างกับประกันรถยนต์ทั่วไปอย่างไร
หลายคนสงสัยว่ารถยนต์ไฟฟ้าทำประกันชั้นไหนได้บ้าง มีประกันที่คุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะหรือเปล่า อันที่จริงรถยนต์ไฟฟ้าก็ทำประกันรถยนต์ได้เช่นเดียวกับรถยนต์น้ำมัน เพียงแต่เบี้ย ประกันรถยนต์ไฟฟ้า มีราคาสูงกว่าเบี้ยประกันรถยนต์ทั่วไป สามารถทำประกันรถยนต์ได้ทุกชั้นตั้งแต่ ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2, 2+, 3 และ 3+ ส่วนใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าราคาค่อนข้างสูง เจ้าของรถจึงเลือกทำประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุม รวมถึงความคุ้มครองกรณีเกิดสูญหายหรือไฟไหม้ด้วย ในส่วนของการช่วยเหลือฉุกเฉินจะมีบริการส่งช่างซ่อม พ่วงแบตเตอรี่ เปลี่ยนยาง หรือเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
รถยนต์ไฟฟ้าควรทำประกันชั้นไหน
หากพิจารณาจากความเสี่ยงของตัวรถยนต์ไฟฟ้าและความคุ้มครองตัวบุคคลภายนอก ตลอดจนทรัพย์สิน การเลือกทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 จะคุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุด
หากพิจารณาจากงบประมาณหรือกำลังทรัพย์ที่มีและจ่ายไหว การเลือกทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 มีค่าเบี้ยประกันสูงที่สุด แต่ก็ให้ความคุ้มครองได้มากที่สุด ส่วนประกันชั้น 2 และ 3 ก็จะให้ความคุ้มครองลดหลั่นกันไป
การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ต้นทุนค่าอะไหล่และค่าซ่อมบำรุงก็มีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน เป็นสาเหตุให้ทุนประกันรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถกินน้ำมัน เพื่อให้วงเงินครอบคลุมความเสี่ยงได้ครอบคลุม ซึ่งเท่ากับว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมเข้ามามากกว่ารถยนต์ปกติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่อาจเสียหายจากการชนหรืออุบัติเหตุ เมื่อทุนประกันสูง ก็เท่ากับว่าต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์น้ำมันนั่นเอง
ข้อดีของประกันรถไฟฟ้า
ประกันรถ ev คุ้มครองครบแบบประกันชั้น 1 ครอบคลุมทั้งคนขับ ผู้โดยสาร และคู่กรณี รวมถึงคุ้มครองอุบัติเหตุจากการใช้งานเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน และสถานีชาร์จสาธารณะ ตลอดจนอุปกรณ์เพิ่มเติมอื่น ๆ
เปรียบเทียบเบี้ยประกันจากบริษัทประกันชั้นนำกว่า 20 บริษัท พิจารณาได้ง่าย ๆ ว่าที่ไหนคุ้มค่าและดีที่สุดสำหรับรถไฟฟ้าของคุณ
ข้อเสียของ ประกันรถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อเทียบกับจำนวนรถทั้งหมดในประเทศ พบว่าปัจจุบันนี้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีจำนวนน้อยมาก ไม่ถึง 0.2% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมด ทำให้ข้อมูลสถิติความเสี่ยงอุบัติเหตุน้อย จึงตั้งราคาประกันภัยรถยนต์สูงกว่าประกันทั่วไป
ค่าซ่อมรถแพง การซ่อมรถต้องซ่อมผ่านศูนย์หลักที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษอย่างเดียว เพราะอู่ทั่วไปยังซ่อมไม่ได้ อีกทั้งศูนย์ซ่อมในประเทศไทยยังไม่มีช่างที่เชี่ยวชาญมากพอ ทำให้ค่าซ่อมพุ่งสูงถึงหลักแสนหลักล้าน
จำนวนอะไหล่น้อย ชิ้นส่วนภายในที่สำคัญมีไม่กี่ชิ้น แต่ราคาแพงมาก ค่าเปลี่ยนอะไหล่ยกชุดจึงแพงมากกว่ารถยนต์น้ำมัน
รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้มีบริษัท ประกันรถไฟฟ้า ให้เลือกมากมาย สามารถเช็กเบี้ยประกันภัยรถยนต์ทางออนไลน์เพื่อเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองที่ถูกใจและคุ้มค่า แนะนำบริการประกัน Directasia สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.directasia.co.th
สำหรับมือใหม่หัดขับ วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการเคลมประกันมาฝาก
ฃค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร
ค่าเสียหายส่วนแรกคือการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันผู้ที่เคลมหลอก โดย ค่าเสียหายส่วนแรก มี 2 ประเภท คือ ค่าเสียหายส่วนแรกแบบบังคับจ่าย (Excess) และ ค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจจ่าย (Deductible)
ค่าเสียหายในส่วนแรกแบบบังคับจ่าย คือ จำนวนเงินที่ต้องชำระเพิ่มเมื่อเคลมประกัน สำหรับประกันชั้น 1 จะต้องชำระ เมื่อมีความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการชน การคว่ำ หรือ เกิดการชนแต่ไม่ทราบคู่กรณี ซึ่งค่า Excess จะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเหตุการณ์
ค่าเสียหายในส่วนแรกแบบสมัครใจ คือ จำนวนเงินที่ระบุชัดเจนว่าผู้ขับขี่ต้องชำระหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1,000 – 5,000 บาท ยิ่งเลือกชำระค่าเสียหายส่วนแรกสูงเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลง
และนี่คือข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับค่าเสียหายส่วนแรกที่จำเป็นต้องรู้ก่อนทำประกันรถยนต์ครับ อ่านข้อมูลที่ https://www.directasia.co.th/blog/tips/8-factors-to-review-before-renewing-type2plus-2/อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงข้อมูลที่ถูกต้อง กับบริษัทฯประกันภัยรถยนต์ที่คุณสนใจ และศึกษาข้อมูลก่อนซื้อประกันรถยนต์ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจเลือกครับ
ที่มาข้อมูล
https://www.directasia.co.th/
https://www.directasia.co.th/blog/car-insurance/how-to-choose-pick-up-insurance/
https://upabroker.co.th/Content/article/How_to_3.aspx
https://www.tqm.co.th/articles/หมีรอบรู้เรื่องประกันรถ/อายุรถเท่านี้ควรทำประกันชั้นไหนดี
https://www.silkspan.com/article/insurance/ev-car-insurance/#:~:text=คุ้มครองครบจบ%20เหมือนประกัน,และสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
อ้างถึง
แก้ไขด่วน
เพิ่มเติม...
ประกันรถไฟฟ้า คือ ประกันรถยนต์ที่คุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีความแตกต่างจากประกันรถยนต์ทั่วไปอย่างชัดเจน วันนี้เรามาทำความเข้าใจให้มากขึ้นกัน
ประกันรถ ev คืออะไร ต่างกับประกันรถยนต์ทั่วไปอย่างไร
รถยนต์ไฟฟ้าก็ทำประกันรถยนต์ได้เช่นเดียวกับรถยนต์น้ำมัน เพียงแต่เบี้ย ประกันรถยนต์ไฟฟ้า มีราคาสูงกว่าเบี้ยประกันรถยนต์ทั่วไป สามารถทำประกันรถยนต์ได้ทุกชั้นตั้งแต่ ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2, 2+, 3 และ 3+ ส่วนใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าราคาค่อนข้างสูง ให้ความคุ้มครองกรณีเกิดสูญหายหรือไฟไหม้ด้วย และบริการส่งช่างซ่อม พ่วงแบตเตอรี่ เปลี่ยนยาง หรือเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
รถยนต์ไฟฟ้าควรทำประกันชั้นไหน
หากพิจารณาจากความเสี่ยงของตัวรถยนต์ไฟฟ้าและความคุ้มครองตัวบุคคลภายนอก ตลอดจนทรัพย์สิน การเลือกทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 จะคุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุด
หากพิจารณาจากงบประมาณหรือกำลังทรัพย์ที่มีและจ่ายไหว การเลือกทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 2 และ 3 ก็จะให้ความคุ้มครองลดหลั่นกันไปตามงบที่มี
การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ต้นทุนค่าอะไหล่และค่าซ่อมบำรุงก็มีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน ดังนั้นซึ่งเท่ากับว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมเข้ามามากกว่ารถยนต์ปกติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่อาจเสียหายจากการชนหรืออุบัติเหตุ
ข้อดีของประกันรถไฟฟ้า
ประกันรถ ev คุ้มครองครบแบบประกันชั้น 1 ครอบคลุมทั้งคนขับ ผู้โดยสาร และคู่กรณี รวมถึงคุ้มครองอุบัติเหตุจากการใช้งานเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน และสถานีชาร์จสาธารณะ ตลอดจนอุปกรณ์เพิ่มเติมอื่น ๆ
ข้อเสียของ ประกันรถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจุบันนี้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีจำนวนน้อยมาก ไม่ถึง 0.2% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมด ทำให้ข้อมูลสถิติความเสี่ยงอุบัติเหตุน้อย จึงตั้งราคาประกันภัยรถยนต์สูงกว่าประกันทั่วไป
ค่าซ่อมรถแพง การซ่อมรถต้องซ่อมผ่านศูนย์หลักที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษอย่างเดียว ทำให้ค่าซ่อมพุ่งสูงถึงหลักแสนหลักล้าน
จำนวนอะไหล่น้อย ชิ้นส่วนภายในที่สำคัญมีไม่กี่ชิ้น แต่ราคาแพงมาก ค่าเปลี่ยนอะไหล่ยกชุดจึงแพงมากกว่ารถยนต์น้ำมัน
รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้มีบริษัท ประกันรถไฟฟ้า ให้เลือกมากมาย สามารถเช็กเบี้ยประกันภัยรถยนต์ทางออนไลน์เพื่อเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองที่ถูกใจและคุ้มค่า แนะนำบริการประกัน Directasia สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.directasia.co.th
สำหรับมือใหม่หัดขับ วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการเคลมประกันมาฝาก
ค่าเสียหายในส่วนแรกคืออะไร
ค่าเสียหายในส่วนแรกคือการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันผู้ที่เคลมหลอก โดย ค่าเสียหายส่วนแรก มี 2 ประเภท คือ ค่าเสียหายส่วนแรกแบบบังคับจ่าย (Excess) และ ค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจจ่าย (Deductible)
ค่าเสียหายในส่วนแรกแบบบังคับจ่าย คือ จำนวนเงินที่ต้องชำระเพิ่มเมื่อเคลมประกัน สำหรับประกันชั้น 1 จะต้องชำระ เมื่อมีความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการชน การคว่ำ หรือ เกิดการชนแต่ไม่ทราบคู่กรณี ซึ่งค่า Excess จะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเหตุการณ์
ค่าเสียหายในส่วนแรกแบบสมัครใจ คือ จำนวนเงินที่ระบุชัดเจนว่าผู้ขับขี่ต้องชำระหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1,000 – 5,000 บาท ยิ่งเลือกชำระค่าเสียหายส่วนแรกสูงเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลง
และนี่คือข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับค่าเสียหายส่วนแรกที่จำเป็นต้องรู้ก่อนทำประกันรถยนต์ครับ อ่านข้อมูลที่ https://www.directasia.co.th/blog/tips/8-factors-to-review-before-renewing-type2plus-2/ อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงข้อมูลที่ถูกต้อง กับบริษัทฯประกันภัยรถยนต์ที่คุณสนใจ และศึกษาข้อมูลก่อนซื้อประกันรถยนต์ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจเลือกครับ
ที่มาข้อมูล
https://www.directasia.co.th/
https://www.directasia.co.th/blog/car-insurance/how-to-choose-pick-up-insurance/
https://upabroker.co.th/Content/article/How_to_3.aspx
https://www.tqm.co.th/articles/หมีรอบรู้เรื่องประกันรถ/อายุรถเท่านี้ควรทำประกันชั้นไหนดี
https://www.silkspan.com/article/insurance/ev-car-insurance/#:~:text=คุ้มครองครบจบ%20เหมือนประกัน,และสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า